ข้อควรรู้ก่อนเลือกกล้องติดรถยนต์ให้คุ้มค่าและใช้งานได้จริง
การขับขี่รถยนต์บนท้องถนนนั้นอาจมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น การมีกล้องติดรถยนต์ไว้บันทึกภาพทุกการเดินทางของเราเป็นเรื่องที่ควรทำ เพราะช่วยเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่บอกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี เพราะภาพวิดีโอจากกล้องนั่นเอง
หากจะหากล้องติดรถยนต์ที่มีคุณภาพ ใช้งานได้จริงแบบไม่มีปัญหา จะเลือกแค่ราคาถูกอย่างเดียวไม่ได้ ต้องพิจารณาถึงฟังก์ชั่นการใช้งานด้วย ในการเลือกกล้องติดรถยนต์ดีๆสักตัวเราควรต้องพิจารณาอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลยค่ะ
ฟังก์ชั่นหลักต้องมี
1. ความละเอียดของวิดีโอในการบันทึก
คุณภาพของวิดีโอที่บันทึกได้เป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรก ความละเอียดของกล้องติดรถยนต์ควรต้องอยู่ที่ระดับ FULL HD (1080p) หรือ HD Ready (720p) เป็นมาตรฐาน เพราะที่ความละเอียดระดับนี้ เราสามารถที่จะนำภาพวิดีโอที่ได้ไปใช้งานจริงได้อย่างไม่มีปัญหาแน่นอน และที่สำคัญที่ห้ามลืมสังเกตเป็นอันขาดก็คือ ตัวเลนส์กล้องและชิปประมวลผล ซึ่งสองสิ่งนี้จะเป็นเหมือนตัวเสริมให้กล้องมีการบันทึกไฟล์วิดีโอได้ละเอียดมากขึ้น โดยส่วนใหญ่แล้วกล้องติดรถยนต์ที่เป็นแบรนด์มาตรฐาน มีคุณภาพดีในระดับหนึ่งนั้นจะบอกรายละเอียดต่างๆ เหล่านี้มาในสเปกอยู่แล้ว
2. FPS สูง เพื่อภาพเคลื่อนไหวที่สมจริง
เพื่อให้ไฟล์วิดีโอของกล้องติดรถยนต์ทำงานได้อย่างลื่นไหลและสมจริง จะต้องดูที่ ค่า FPS หรือ Frame Per Second คือ เป็นหน่วยวัดความเคลื่อนไหวในกล้องวีดีโอต่อ 1 นาทีนั่นเอง ยิ่งค่า FPS สูง ก็ยิ่งได้ไฟล์ภาพที่สมจริงและสมูธมากเท่านั้น ค่า FPS ที่เหมาะสมไม่ควรสูงเกินที่ 30 FPS และไม่ควรน้อยกว่า 25 FPS เพราะหากค่า FPS สูงเกินไปก็จะทำให้กินพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูล
3. สามารถถ่ายวิดีโอเวลากลางคืนหรือสภาวะที่มีแสงน้อยได้ดี
เพราะเราไม่รู้เลยว่าอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นกับเราในตอนไหน การเลือกกล้องติดรถยนต์ที่สามารถเก็บความคมชัดได้ดีแม้ในยามกลางคืนก็ถือเป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม ระดับพื้นฐานสุดๆ ก็ต้องมีอินฟาเรด ซึ่งเราจะพบได้ในกล้องติดรถยนต์รุ่นล่างๆ
แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดควรจะต้องมี ฟังก์ชันที่เรียกว่า WDR ( Wide Dynamic Range ) ซึ่งเป็นฟังก์ชันเดียวกันกับที่มีอยู่ในกล้องวงจรปิดที่ติดกันตามบ้าน สำนักงาน หรือตามท้องถนนนั่นเอง จะช่วยทำให้การบันทึก ภาพเวลากลางคืน (Night Shot) หรือสภาวะที่มีแสงน้อยให้สว่างขึ้น และลดแสงบนท้องถนนที่มากเกินไป ทำให้ได้ภาพที่มีรายละเอียดมากขึ้น การทำงานของระบบนี้คือการบันทึกภาพซ้อนในเวลาเดียวกัน ทั้งภาพในสภาวะปกติ และภาพที่สว่างกว่าปกติ เมื่อนำมารวมกัน จะทำให้ได้ภาพที่ชัดเจนแม้ในเวลากลางคืน
4. มุมมองของกล้องที่ใช้งานได้จริง
มุมกล้องกว้างไปก็ไม่ดี มุมกล้องแคบไปก็เก็บรายละเอียดได้ไม่หมด ดังนั้น มุมกล้องที่แนะนำสำหรับกล้องติดรถยนต์ ควรจะเป็นเลนส์แบบ Fish Eye ซึ่งจะได้ภาพที่มีลักษณะนูนออกมาด้านหน้า เพื่อเก็บภาพในส่วนของด้านข้างได้กว้างขึ้นทั้งบนล่างและซ้ายขวานั่นเอง และต้องดูให้แน่ใจด้วยว่าภาพด้านหน้าตรงต้องคมชัด ไม่ผิดเพี้ยน
5. รูรับแสงให้ภาพสว่าง
รูรับแสง หรือ Lens Aperture เป็นตัวควบคุมปริมาณแสงที่จะวิ่งผ่านรูนี้เข้าไปในกล้อง มีหน่วยเรียกว่า “F” หรือศัพท์ของช่างภาพเรียกกันคือ “ค่า F/Stop” ใช้ตัวเลขกำกับแสดงขนาดของรูรับแสง ค่าตัวเลข F น้อย รูรับแสงกว้าง แสงเข้าได้มาก ให้ช่วงระยะชัดของภาพน้อย จะให้ภาพที่คมชัดมากที่สุดตรงจุดโฟกัส ในขณะที่หากค่าตัวเลข F มาก รูรับแสงแคบลง แสงเข้าได้น้อย จะให้ช่วงระยะชัดของภาพมาก ภาพที่ได้จะคมชัดเท่ากันทั้งภาพ ซึ่งเหมาะสมกับการใช้งานมากกว่า
6. ระบบ G-sensor เก็บได้ทุกเหตุการณ์
กรณีที่เบรกรถกะทันหัน รถเกิดอุบัติเหตุ ระบบ G-Sensor ที่ติดมากับกล้อง จะทำหน้าที่ตรวจจับแรงสั่น สะเทือน หรือแรงกระแทกที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้มาเพื่อทำการล็อกไฟล์วิดีโอที่บันทึกอยู่ในช่วงเวลานั้น เพื่อแยกออกมาเก็บเป็นไฟล์พิเศษต่างหากจากช่วงเวลาที่บันทึกปกติ และจะถูกป้องกันไม่ให้ช่วงเวลาดังกล่าวถูกบันทึกวนซ้ำเมื่อหน่วยความจำเต็ม ทำให้เรานำมาตรวจสอบย้อนหลังได้สะดวกไม่เสียเวลา ระบบนี้จึงมีความสำคัญและถือเป็นฟังก์ชันพื้นฐานที่กล้องติดรถยนต์ต้องมี
7. แบตเตอรี่ที่ใช้
กล้องติดรถยนต์มีทั้งรุ่นที่มีแบตเตอรี่ในตัว สามารถจ่ายไฟให้ตัวเองใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องต่อไฟจากที่จุดบุหรี่ สะดวกเวลาใช้งานโดยที่ไม่ต้องต่อไฟเพิ่ม กับกล้องอีกแบบคือไม่มีแบตเตอรี่ในตัวเอง แต่จะมีคาปาซิเตอร์ ( (Dual SuperCap) เป็นตัวเก็บประจุไฟ ทำหน้าที่เสมือนแบตเตอรี่สำรอง โดยจะค่อยๆ ปล่อยกระแสไฟออกมาอย่างช้าๆ เพื่อให้กล้องติดรถยนต์บันทึกวิดีโอได้เสร็จสมบูรณ์เมื่อดับเครื่องยนต์ ก็จะใช้งานไม่ได้ แบตเตอรี่แบบนี้มีข้อดีคือไม่มีปัญหาแบตเสื่อม แบตบวม กล้องติดรถยนต์คุณภาพดีส่วนใหญ่จะมีคาปาซิเตอร์แทนแบตเตอรี่ในตัว
8. การรับประกันและบริษัทนำเข้า
กล้องติดรถยนต์เป็นอุปกรณ์อีกชนิดหนึ่งที่สามารถใช้สโลแกนที่ว่า คุณภาพตามราคาได้เช่นกัน น้อยมากคที่กล้องติดรถยนต์ที่มีราคาถูกมากจะให้คุณภาพดี อีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เราได้กล้องวิดีโอที่มีคุณภาพมาใช้ คือเลือกแบรนด์ที่มีตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย ไม่ใช่มีเพียงหน้าร้านหรือร้านค้าออนไลน์ที่สั่งของจากผู้ผลิตโดยตรงมาจำหน่าย หากเลือกซื้อแบรนด์ที่มีตัวแทนจำหน่ายเป็นหลักแหล่งแน่นอน ก็จะได้รับการรับประกันที่แน่นอนตามมาด้วยเช่นกัน หากมีปัญหาก็สามารถส่งซ่อมส่งเคลมได้
9. บททดสอบจากผู้ใช้จริง
บททดสอบการใช้งานจริงของกล้องรุ่นนั้นๆ ที่เราสนใจ ก็เป็นอย่างหนึ่งที่เราควรศึกษาไว้ โดยนำชื่อรุ่นกล้องติดรถยนต์ที่เราสนใจเข้าไปค้นหาวิดีโอรีวิวในสื่อต่างๆ ส่วนใหญ่จะพบว่ามีผู้ใช้จริงจำนวนไม่น้อยที่รีวิวสินค้าโดยเกิดจากการใช้จริง ไม่ใช่ดูจากสื่อที่ถ่ายทำจากบริษัทกล้องรุ่นนั้นเพียงอย่างเดียว เพราะอาจจะมีการปรับแต่งให้ดูเกินจริง และบางทีสเปกที่ระบุมาอาจจะเกินจริงหรือบอกไม่หมด รีวิวจากผู้ใช้จริงจะเป็นข้อพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี หรือไปทำการทดสอบถ่ายจริง หรือเล่นของจริงที่ร้านตัวแทนจำหน่าย ว่าทำได้จริงตามสเปกระบุไว้หรือไม่ คุณภาพของวิดีโอที่ได้นั้นดีแค่ไหน
ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นสิ่งที่เราควรจะใช้พิจารณาในการเลือกหากล้องติดรถยนต์ที่ดีมีคุณภาพมาใช้จริงได้ กล้องติดรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบันยังมีฟังก์ชันพิเศษเสริมการทำงานเพิ่มเข้ามาด้วยอีกมากมาย ที่เห็นเด่นๆ เลยก็คือระบบ GPS ที่จะช่วยระบุพิกัดตำแหน่งที่เราเดินทาง ความเร็วที่ใช้ในการขับขี่ได้ การแจ้งเตือนเมื่อขับออกนอกเลนส์ที่วิ่งอยู่, แจ้งเตือนเมื่อขับเข้าใกล้ท้ายรถคันหน้ามากเกินไป, แจ้งเตือนเปิดไฟหน้า และฟังก์ชันอื่นๆ อีกมากมาย ถามว่าจำเป็นไหมกับฟังก์ชันเหล่านี้ ก็คงต้องย้อนกลับไปดูที่การใช้งานว่าเราต้องการใช้งานฟังก์ชันเหล่านี้หรือไม่ เพราะมันคือฟังก์ชันเสริมเท่านั้นค่ะ
Comments