ล้างรถใครก็คิดว่าง่ายๆ แต่ที่คุณทำอยู่ถูกวิธีแล้วหรือยัง??
การล้างรถยนต์ ด้วยตัวเอง ถือเป็นกิจกรรมที่เหมาะกับเวลาว่างหรือวันหยุด
เป็นกิจกรรมที่ช่วยให้คุณได้ผ่อนคลาย ได้ออกกำลังกาย
ที่สำคัญยังช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในการ ล้างรถยนต์
และช่วยให้คุณมีเวลาว่างได้ใส่ใจ ดูแลรถยนต์ ของคุณอย่างเป็นพิเศษอีกด้วย
การล้างรถยนต์ ตามร้านทั่วไป
อุปกรณ์ที่ใช้ในการขัดเช็ดถูอาจจะก่อให้เกิดรอยขีดข่วนหรือรอยขนแมวขึ้นบน
รถยนต์ ที่คุณรักได้ ดังนั้น
หากคุณมีเวลาที่จะล้างรถด้วยตัวเองจะช่วยให้คุณสามารถ ดูแลรักษาผิวรถยนต์
ไม่ให้เกิดรอยได้อย่างดีที่สุด
วันนี้เรามีคำแนะนำ การล้างรถยนต์ ที่ถูกวิธี ควรทำอย่างไรบ้าง ? เรามาล้างรถ
อย่างถูกวิธีกันเลยค่ะ !!
ขั้นตอนการเตรียมพร้อมสำหรับล้างรถยนต์
1. จอดรถในที่ร่ม ไม่ควรล้างรถกลางแดด
จอดรถยนต์ในที่ร่ม และที่สำคัญ ต้องไม่ล้างรถกลางแดด
เพราะจะทำให้ผิวรถยนต์ ร้อนและแห้งเร็ว ซึ่งจะเกิดคราบน้ำบนผิวรถ
ทำให้ล้างทำความสะอาดยากขึ้นและเสียเวลาเพิ่มอีกด้วย ที่
2. เตรียมอุปกรณ์ล้างรถ ให้พร้อม โดยมีอุปกรณ์ที่ต้องใช้ดังนี้
- ถังน้ำ 2 ใบ สำหรับใส่น้ำยาล้างรถและซักผ้าหรือล้างฟองน้ำ
- ฟองน้ำ หรือ ผ้าล้างรถ (ควรมีอย่างน้อย 2 อัน
สำหรับล้างผิวรถยนต์และล้างล้อรถยนต์)
- แปรงพลาสติกขัดสำหรับขัดยางรถ กรณีที่ยางรถยนต์สกปรกมาก
- ผ้าไมโครไฟเบอร์ (ควรมีอย่างน้อย 3 ผืน ) ต้องแยกผ้าแต่ละผืน
ผ้าเช็ดผิวรถไม่ใช้ปนกับผ้าเช็ดล้อรถ
เพราะถ้าใช้ผ้าเช็ดล้อแล้วมาเช็ดผิวรถ
ก็อาจจะเกิดรอยขนแมวที่ผิวรถยนต์ได้
3. เตรียมผสมน้ำยาล้างรถ
ผสมน้ำยาล้างรถกับน้ำเปล่าในปริมาณที่เหมาะสม
และเตรียมถังน้ำเปล่าสำหรับล้างฟองน้ำให้พร้อม
ขั้นตอนการล้างรถอย่างถูกวิธี
1. ฉีดน้ำเพื่อขจัดคราบสกปรก
การฉีดน้ำเพื่อขจัดคราบสกปรก
ช่วยให้ฝุ่นหรือสิ่งสกปรกที่อยู่บนผิวรถยนต์อ่อนตัวลง
โดยฉีดน้ำทั้งคันไล่จากบนหลังคารถ ลงมาด้านข้างของรถ
2. ล้างส่วนล้อรถยนต์ก่อน
ล้อรถมักจะเป็นส่วนที่สกปรกที่สุด จึงควรจะล้างส่วนล้อรถยนต์ให้สะอาดก่อน
เพื่อที่สิ่งสกปรกจากล้อจะได้ไม่กระเด็นไปโดนส่วนผิวรถ
หากล้างล้อรถยนต์เป็นลำดับสุดท้าย ขณะที่กำลังล้างล้อรถยนต์
จะทำให้ผิวรถอาจจะแห้งเอง และจะทำให้เกิดคราบน้ำบนผิวรถได้
3. เริ่มต้นล้างรถ จากบนหลังคารถ ลงมาด้านข้างของรถ
ก่อนจะเริ่มขัดผิวรถ ให้แช่ผ้าหรือฟองน้ำล้างรถในน้ำยาที่ผสมไว้แล้วก่อน
แล้วค่อยนำมาขัดทำความสะอาดผิว ไม่ควรออกแรงขัดมากเกินไป
เพราะจะทำให้รถยนต์เกิดรอยขีดข่วนหรือทำให้สีรถยนต์เสียหายได้
4. ล้างสิ่งสกปรกออกจากฟองน้ำ หรือผ้าที่ใช้ล้างรถบ่อย ๆ
ผ้าล้างรถไมโครไฟเบอร์ เป็นที่นิยมมากกว่าฟองน้ำ เนื่องจากโอกาสที่จะเกิด
รอยขีดข่วน หรือ รอยขนแมวบนผิวรถ มีน้อยกว่า
เพราะฟองน้ำล้างรถอาจจะมีเศษฝุ่นเม็ดทรายเล็ก ๆ
ติดอยู่ตามตามรูพรุนของฟองน้ำได้ ดังนั้นหากใช้ฟองน้ำ
จะต้องล้างทำความสะอาดฟองน้ำบ่อย ๆ
5. หลังจากล้างน้ำยาแต่ละส่วนเสร็จ ให้ฉีดน้ำล้างน้ำยาล้างรถออกให้หมด
ไม่ควรปล่อยให้น้ำยาล้างรถแห้งบนผิวรถ เพราะจะทำให้เกิดคราบน้ำบนผิวรถ
ควรทำแบบนี้ทุกครั้ง เมื่อล้างเสร็จทั้งคันแล้ว ให้ล้างน้ำเปล่าซ้ำอีกครั้ง
6. ควรให้รถเปียกทั้งคันขณะล้างรถ
ขณะที่ล้างควรให้ผิวรถยนต์ทั้งคันเปียกน้ำ เพื่อป้องกันการเกิดคราบน้ำบนผิวรถ
7. ล้างช่วงล่างเป็นลำดับสุดท้าย
ล้างช่วงล่างเป็นลำดับสุดท้าย โดยใช้ฟองน้ำหรือผ้าล้างรถยนต์ แยกกันต่างหาก
ไม่ใช้ปนกัน
8. เช็ดรถให้แห้งด้วย ผ้าไมโครไฟเบอร์
หลังจากล้างรถ ควรเช็ดทุกผิวรถให้แห้ง เพื่อป้องกันการเกิดสนิม
และการเกิดคราบน้ำ
เช็ดผิวโดยไล่จากด้านบนหลังคารถยนต์ลงมาด้านล่างรถยนต์
และเช็ดล้อเป็นลำดับสุดท้าย ขณะเช็ดควรเปลี่ยนผ้าหลายๆผืน
เพราะถ้าแยกผ้าเช็ดหลายผืนโอกาสที่ผิวรถจะเกิดรอยขีดข่วนก็มีน้อย
เพียงเท่านี้ รถคู่ใจของคุณก็จะกลับมาสะอาด น่าใช้งานเหมือนเดิม
แต่ถ้าท่านไหนที่ยังพอมีเวลาก็อาจจะลงแว็กซ์เพิ่มได้นะครับ เพื่อเพิ่มความเงางาม
ฉ่ำเป็นประกายดุจรถใหม่ และปกป้องสีผิวรถยนต์
คันโปรดจากมลภาวะบนท้องถนน
แต่ถ้าอยากได้ การปกป้องสีรถยนต์ ของคุณอย่างเต็มประสิทธิภาพยาวนานนับปี
ก็อาจจะนำรถไป เคลือบแก้ว หรือ เคลือบเซรามิค ก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ
Comments